255: บทความเรื่อง "ชูสามนิ้ว เด็กช่างตีกัน น้ำยาฆ่าหนอนเหล็ก"

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้หน้าข่าวเต็มไปด้วยเรื่อง "นักเรียนชูสามนิ้ว ผูกริบบิ้นสีขาว ต้านเผด็จการ" ในความพยายามที่แสดงออก กลับซุกซ่อนเรื่องราวไว้ เราสองคนพอ่แม่ ที่มีลูกสาวอยู่ชั้นมัธยม 1 ต้องยอมรับว่า ทันทีที่ภรรยาไปรับลูกสาววัย 13 ปี จะมีประเด็นการชูสามนิ้ว ผูกริบบิ้นขาว แทบทุกวัน จนถึงวันนี้ผมอยากแบ่งปันเรื่องราวที่ครอบครัวเราใช้ชีวิตท่ามกลางความชัดเจนที่เราพร่ำสอนลูก "บางเรื่องเราต้องมองลึก และบางเรื่องเราต้องมองกว้าง" เพื่อให้เราจะใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข และพร้อมจะเสียสละความรู้ ความสามารถ จากครูบาอาจารย์ กับเวลาส่วนตัว ช่วยเหลือสังคมตามสถ่นการณ์

บทสนทนาบางส่วนที่เราแนะนำลูกครับ
หนูนา: หนูเบื่อเพื่อน ชอบชวนให้ชูสามนิ้ว หนูบอกว่า หนูไม่ทำ ไม่ต้องมาชวน
ปรีดา: ดีแล้ว หนูนาไปโรงเรียน เราไปเรียน 
หนูนา: เพื่อนมันว่า หนูเป็นสลิ่มด้วย
ภรรยา: สลิ่มอร่อยดีนะ บอกเลยว่าหนูนาชอบกินสลิ่ม
ปรีดา: ปล่อยเพื่อนพูดไป ถ้าจี้มาก ชวนมาก ก็บอกเพื่อนไปว่า ชูนิ้วหรือไม่ชูนิ้ว หนูนากับเพื่อนก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ดี เรียนด้วยกัน โรงเรียนเดียวกัน 


เหตุที่ตั้งใจพิมพ์บทความนี้ เกิดจากเรื่องราวในอดีต สมัยผมเรียนปริญญาตรี อยู่ที่สถาบันเทคโนโลยี (แถวฝั่งธนบุรี) (อายุ 20 ปี) กับสมัยที่ผมอยู่มัธยมปีที่ 2 (อายุ 13 ปี) ทั้งสองครั้งนั้น ผมมีอายุ 13 ปี กับ 20 ปี มีเหตุการณ์สำคัญ สำหรับผมคือสำคัญ ที่อาจเป็นตัวตนของผมจนถึงทุกวันนี้ก็ว่าได้ครับ ผมจึงอยากแบ่งปันให้ได้อ่านกัน เช่นเคยนะครับ ถ้าบังเอิญ มีน้องๆ ในวัยนักเรียน นักศึกษา แม้คนเดียว ได้มาอ่านบทความนี้ แล้วจะทำให้ได้ลองพิจารณาไตร่ตรองใหม่ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนใจ ก็คุ้มค่าแล้วครับ


เรื่องราวสมัยเรียนที่ สถาบันเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง (แถวฝั่งธนบุรี) ผมขอเล่าเป็นบทสนทนาแทนนะครับ จะได้ เรียบเรียงให้ใกล้เคียงมากที่สุดครับ

เพื่อน 1: เฮ้ย ไอ้ต๋อง (ชื่อเล่นผมเองครับ) รุ่นพี่เรา ถูกตีที่หน้าโรงเรียนพาณิชย์หวาะ ไปกันไปช่วยกัน มันทำรุ่นพี่เรา เราต้องไปเอาคืน
ปรีดา: กูไม่ไป มึงก็อย่าไปเลย เชื่อกู อยู่นี่ละ เดี๋ยวก็เข้าเรียนแล้ว
เพื่อน 2: ทำไมว่ะ รุ่นพี่เราถูกตีนะโว้ย เราเป็นรุ่นน้อง เราต้องไปช่วยสิว่ะ
เพื่อน 1: ใช่ พวกมันแค่เด็กพาณิชย์ พวกเราเด็กมหาวิทยาลัย อย่างนี้มันข้ามรุ่นกัน
ปรีดา: พวกมึงลองคิดดูก่อน ว่าทำไมเขาถึงมาตีรุ่นพี่เรา 
เพื่อน 1: เออ กูก็ไม่รู้ว่า จริงๆ แล้วมันยังไง น่าจะเรื่องจีบหญิงกัน ได้ยินอย่างนั้น
ปรีดา: เอางี้นะ รุ่นพี่เราคนที่ถูกตี ใครวะ ชื่ออะไร
เพื่อน 2: พี่....... กับพี่........
ปรีดา: เออ มึงว่า พี่เราเก๋ารึเปล่า ใครหาเรื่องใครก่อน
เพื่อน 1: เออ กูก็ไม่แน่ใจ ว่าใครเริ่มก่อน
ปรีดา: นั่นไง เราเข้าเรียนกันดีกว่า นั่นไงเพื่อนเรา รุ่นพี่เรา ไปกันเยอะแล้ว (มีรุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นเรา วิ่งกันไปเยอะพอสมควร)

แล้วเราสามคนก็ขึ้นเรียนด้วยกัน ช่วงเย็นวันนั้น พอเพื่อนๆ รุ่นพี่ รุ่นน้อง กลับมา ผมลงจากห้องเรียน เราก็นั่งคุยกัน ถึงได้ทราบความจริง เกี่ยวกับเรื่องราวที่รุ่นพี่ถูกเด็กพาณิชย์ตี ในท้ายที่สุดแล้ว เป็นเรื่องของการกระทบกระทั่งกัน ไม่มีใครยอมใคร จึงถูกตี ต้องเรียกว่าตีกันมากกว่า แต่ฝ่ายเรามีจำนวนน้อยกว่าจึงสู้เขาไม่ได้ เพราะเหตุเกิดที่หน้าโรงเรียนเขา พวกเขาก็ต้องเยอะอยู่แล้วครับ ในท้ายที่สุด ผมแทบไม่ได้สนใจต่อว่า เหตุการณ์นี้มีพัฒนาการต่อไปอย่างไร แต่ทุกอย่างดูเงียบสงบและจบลงด้วยดี


อีกเหตุการณ์หนึ่ง ตอนที่ผมอยู่มัธยมปีที่ 2 ผมไปซื้อของที่ตลาดให้คุณแม่ ผมเห็นคนรุมพ่อค้าคนหนึ่ง กำลังแสดงโชว์ขายน้ำยาแก้ฟันผุ ผู้ช่ยคนนี้โฆษณาว่าเป็น "น้ำยาฆ่าหนอนเหล็ก" ที่คอยกัดกินฟันของเรา เอามีดสับเท่าไหร่ก็ไม่ขาด ต้องใช้น้ำยาตัวนี้เท่านั้น แค่เพียงชุบสำลี แล้วจุ่มไปที่ฟัน หนอนเหล็กกินฟันจะถูกดูดติดสำลีออกมา เขาขายขวดละ 20 บาท (เป็นเรื่องเมื่อ 35 ปีมาแล้ว)

ผมรีบกลับบ้าน ไปขอเงินคุณแม่มา 20 บาท เพราะโดนจุดสำคัญเลย ผมกำลังปวดฟันอยู่ ผมฟันผุ ผมกำเงินที่อยู่ในมือแน่น ยืนมองผู้ชายคนนี้แสดงถึง 3 รอบ เพราะคนที่รุมดูเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ เขาต้องแสดงใหม่เป็นระยะๆ ผมยืนกำเงินอยู่นาน จนเขามาทักว่า ผมขะซื้อไหม ผมถามเขาไปว่า "ทำไมผมไม่เคยเห็นหนอนเหล็กในฟันผมเลย ผมปวดฟันอยู่" เขาไม่ตอบผม แต่กลับไปแสดงต่อและขายของให้กับคนที่ซื้อพอสมควร

ผมวิ่งไปหาคลีนิคหมอฟัน แล้วเล่าเรื่องที่่พบเห็น จนถึงตอนกำเงินในมือ และถามคนขายของ จนวิ่งมาถามหมอฟัน หมอฟันก็ซักถามผม

หมอฟัน: ทำไมถึงไม่ซื้อน้ำยาฆ่าหนอนเหล็กละ เงินก็มีแล้ว
ด.ช.ปรีดา: ถ้ามันมีหนอนเหล็กจริง ผมดูฟันผมทุกวัน ผมปวดฟัน ผมต้องเห็นมันบ้างสิครับ
หมอฟัน: มันไม่มีหรอก หนอนเหล็ก ฟันผูเกิดจากแบคทีเรีย 
ด.ช.ปรีดา: มันเหมือนจริงมากเลยนะครับ
หมอฟัน: แล้วทำไม มาหาหมอละ
ด.ช.ปรีดา: ผมตัดสินใจไม่ได้ ผมมาถามหมอก่อนครับ เพราะเงินนี้ก็เป็นของแม่ด้วยครับ
หมอฟัน: เอางี้นะ หมอชอบที่เรายังเป็นเด็กอยู่ แต่ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ไม่รู้ก็วิ่งมาถามหมอก่อน คนโตแล้วยังถูกหลอกเลย หมอจะรักษาฟันซี่นี้ให้ฟรี

สมัยที่ผมเป็นเด็ก สิ่งสำคัญที่ผมมีและเป็น คือ ผมใฝ่รู้ ผมชอบถาม ในสิ่งที่ไม่รู้ ความรู้ทำให้เราเข้าใจ ความรู้ทำให้เราไม่กลัว และความรู้จะทำให้เราสามารถที่จะพิจารณาได้ว่า เราควรจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร ในทุกๆ ครั้งที่เราประสบปัญหาเข้ามาในทุกช่วงชีวิต

การคิด วิเคราะห์ก่อน ย่อมมีความสำคัญที่สุด ควบคู่กับความกตัญญูกตเวที ซึ่งเป็นคุณธรรมอันดับแรกของความเป็นมนุษย์ ครอบครัวเราสำนึกในสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นที่ตั้ง ประเทศไทยต้องมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ประเทศเรามีบริบทของเรา แตกต่างจากประเทศอื่น เราถึงยังคงรอดพ้นจากภัยคุกคามมาโดยตลอด
  • การไม่รู้ในวัยเด็ก แล้วไปถามหมอฟันให้รู้
  • การไม่เชื่อเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย เพราะต้องไตร่ตรองก่อน ไม่เฮโลตามรุ่นพี่อย่างไม่มีเหตุผล
เหล่านี้ครอบครัวเราพยายามถ่ายทอดให้ลูก และหวังว่าจะมีประโยชน์กับใครสักคนที่ได้มาอ่าน และแน่นอนว่า เราทุกคนต่างฝ่ายต่างต้องเคารพความคิด วิเคราะห์ ของแต่ละคนเป็นสำคัญ ทำงานร่วมกันได้ในบางเรื่อง ขัดแย้งกันได้ในบางเรื่อง แต่อยู่ร่วมกันในสังคม สำหรับผมแล้วประเทศไทยดีที่สุดในโลก ผมไม่เคยไปประเทศอื่นมาก่อน ไม่รู้ว่ามีประเทศไหนดีเลิศแค่ไหน แต่สิ่งเดียวที่เห็นพ้องกับคนส่วนใหญ่ในการปราบปราบการทุจริตทุกส่วนของไทย บนพื้นฐานของเสาหลัก "ชาติ ศาสน์ กษัตริย์" ครับ

พิมพ์เมื่อ 20 สิงหาคม 2563