169: "เส้นทางคู่ขนานที่มาบรรจบกัน" ตอนที่ 4: แก้วตาของเธอและผม @58-02-16

สวัสดีครับทุกท่าน หากท่านได้อ่าน ตอนที่ 3 ที่ผมเขียนถึง "หนูนา ที่เป็นดวงใจ" ของภรรยาผมแล้ว ตอนนี้ต่อเนื่องกันเลย ผมอยากให้ทุกท่านได้ทราบว่า "แก้วตา" ของเธอก็คือ "แม่แมต" คุณแม่คนเก่ง สุดเท่ห์ ของเธอเองครับ ที่ผมต้องใช้คำพูดแบบนี้ก็เพราะว่า นอกจากอาม้า (คุณแม่) ของผมแล้ว แม่แมต ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่ผมรู้สึก+รับรู้ได้เลยว่า เป็นผู้หญิงแกร่งและเก่ง อีกท่านหนึ่ง สิ่งที่คล้ายๆ กันมาก คือ ทั้งสองท่าน เลี้ยงลูกแทบตัวคนเดียว แต่ละท่านก็มีลูกเท่ากัน 3 คน ลำบาก อดทน ต่อสู้กับสถานการณ์รอบข้าง มาตลอดเวลา เป็นแม่ที่ดี เป็นพลเมืองดี

เธอบอกกับผมเสมอว่า ผมต้องขอบคุณแม่แมต ที่ยอมรับในตัวผม จะมีแม่คนไหน ที่เห็นผมที่เป็นคนพิการแล้วไม่รังเกียจ พูดคุยกับผมด้วยน้ำใจไมตรีอย่างดี อบอุ่น รัก และชอบทำกับข้าวให้กินทุกครั้งที่ไปเยี่ยมบ้าน ภรรยาผมสนิทกับแม่แมตมาก เล่าทุกเรื่องให้ฟัง แน่นอนว่าเรื่องของผม เธอปรึกษาแม่แมตทุกครั้งที่กลับบ้าน และการที่แม่แมต ไม่รังเกียจ ยอมรับในตัวผม เป็นห่วง และคอยบอกเล่าให้ภรรยาผมฟังตลอดว่าให้สงสารผม ความสงสาร ความเห็นใจต่อกันนั้นมากกว่าความรัก จะทำให้อยู่ยืนนาน

แม่แมต คนเก่งของภรรยาผม

เมื่อ แม่ๆ มาพบกัน

และแล้วในวันแต่งงาน อาม้าของผม กับแม่แมตของภรรยา ก็มานั่งคู่กัน ก่อนงานจะเริ่ม และตลอดพิธีสู่ขอ ก่อนที่จะผูกข้อไม้ข้อมือ และยกน้ำชา ตามธรรมเนียมไทยและจีน ควบคู่กัน สองหญิงแกร่งของ 2 ครอบครัวก็มาพบกันในวันที่เราสองคน ที่เป็นคนของประชาชน ต้องมาลงเอยกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน ผมต้องขอขอบพระคุณ "แก้วตาของเจี๊ยบ" กับ "แก้วตาของผม" ที่ต่างฝ่ายต่างยอมรับในอีกฝ่าย โดยเฉพาะแม่แมต ที่ยอมรับในตัวผม ไม่กีดกัน แต่ยังส่งเสริมให้เรารักกัน

อีกเหตุผลสำคัญหนึ่งที่ทำให้เราสองคนได้แต่งงานกัน เกินฝันที่ผมจะได้รับโอกาส จากคุณแม่ของฝ่ายหญิงที่ผมรู้สึกดีๆ ด้วย

ตลอดเวลาที่ได้รู้จักท่าน ไม่เคยมีสายตา ไม่เคยลมีคำพูด ไม่เคยมีความรู้สึก รังเกียจคนพิการคนนี้เลย ขอบพระคุณ "แก้วตาของเจี๊ยบ" อีกครั้งครับ