123 : วันดีๆ กับความคิดดีๆ จากคนดีๆ ที่อยากแบ่งปันให้เพื่อนๆ ครับ

สวัสดีครับเพื่อนๆ กับความรู้สึกดีๆ สำหรับผมนั้น เกิดขึ้นบ่อยๆ ผมไม่แน่ใจว่าบ่อยแค่ไหน แต่มั่นใจว่า เกิดขึ้นทุกวัน หากเราหมั่นที่จะมีความรู้สึกดีๆ ในทรรศนะของผมก็คงไม่ต่างอะไรกับที่เรา เอาสิ่งดีๆ เข้าตัว นะครับ ถ้าแค่เพียงเรื่อง "ความรู้สึกดีๆ" นั้นผมมีข้อคิดเห็นอีกมากมายที่อยากแบ่งปัน แต่สำหรับบทความนี้ผมขอกันพื้นที่เอาไว้สำหรับ คนดีๆ ที่ผมอยากเอ่ยถึงท่านจะดีกว่า ในคืนวันที่ 20 เมษายน 2555 ผมตั้งใจจะไปงานสวดอภิธรรมของอาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ที่วัดธาตุทอง



วันที่ 20 นี้ผมต้องมีไปอบรมงาน Business get to Social 2012 ของ IBM ก่อนตั้งแต่ 8.00-17.00 น. ที่โรงแรมดุสิตธานี จากนั้นผมก็จะไปงานสวดอภิธรรมของอาจารย์ไพบูลย์ โดยตั้งใจว่าจะไปให้ถึงวัดธาตุทองก่อน 18.00 น. คือไปก่อนเวลา 19.00 น. ที่จะเริ่มสวดอภิธรรม แต่ปรากฏว่า น้องอาสาที่จะมาขับรถให้มาช้า คือมาถึงผมประมาณ 8.30 น. โอ้โห.... มาเกินเวลานัด ที่นัดไว้ 7.00 น. แต่ว่าชีวิตคนเรามีเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจ และสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

เรื่องดีๆ เรื่องที่ 1 :  เมื่อน้องอาสา (คู่รัก) มาถึง คำพูดแรกที่ผมได้ยินเลย คือ ขอโทษผม และขอโทษหลายรอบ ผมตอบไม่เป็นไร อย่ากังวลใจ ระหว่างนั่งรถ ผมมองไปที่กระจกหน้าเห็นหน้าตาของน้องอาสาผู้ชาย แบบว่า.... ดูเครียดๆ แต่ผมอาจจะดูร่าเริงผิดปกติ ผมต้องรีบบอกน้องอาสาว่า เมื่อเช้าตรู่ น้องอาสาคงยังไม่รู้สึกไม่ดี จนกระทั่งมาสาย ผมไม่ได้ซีเรียสอะไร และวันนี้ยังเหลืออีกตั้ง 15 ชั่วโมงก่อนจะถึงเที่ยงคืน ถ้าน้องอาสายังเก็บความรู้สึกไม่ดีนี้ไว้ เวลาส่วนใหญ่ของวันนี้คงจะต้องไม่ดีไปทั้งหมดแน่ๆ ผมมองผ่านกระจกอีกครั้ง ดูน้องอาสามีสีหน้าดีขึ้นมาก อาจจะไม่ใช่จากคำพูดของผมก็ได้ แต่อย่างน้อยผมก็รู้สึกดีๆ ขึ้นมาแล้วครับ เมื่อไปถึงโรงแรมดุสิตธานี ผมก็พบกับ

เรื่องดีๆ เรื่องที่ 2 :  ผมพบกับบริษัที่น้องชายทำงานอยู่ และพบน้องชาย ไม่ได้เจอเขานานพอสมควร จึงดีใจเล็กน้อย รวมถึงยิ่งตอบโจทย์ที่ตัวผมเองตั้งไว้กับการรว่มงานโครงการ กับเจ้าของบริษัทที่น้องชายทำงานอย่ด้วย ซึ่งการอบรมครั้งนี้เป็นการแสดงความตั้งใจที่ผมจะร่วมงานนี้ ในเร็วๆ นี้ครับ เมื่อเข้าห้องอบรม แล้วทราบว่า งานพึ่งเริ่มเมื่อตอน 9.30 น. พวกเราไปถึง 9.45 น. ผมรีบกระซิบบอกน้องอาสาผู้ชาย ยิ่งทำให้เสริมเรื่องดีๆ เรื่องที่ 1 ได้อย่างดีครับ


สำหรับเรื่องดีๆ เรื่องที่ 3 :  เมื่อเข้าห้องอบรมสัมมนา พบว่าเป็นชาวต่างประเทศส่วนใหญ่ที่เป็นวิทยากร จึงทำให้การบรรยายประสบการณ์ถึงระบบของ IBM เป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด จึงพยายามฟังเท่าที่จะทำได้ถือว่าฝึกฟังภาษาอังกฤษไปในตัวครับ


เรื่องดีๆ ที่ 4 :  พอถึง 12.30 น. ผมได้นัดคุณไมเคิลไว้ เพื่อเอาโปสการ์ดภาพวาดกาแฟของผมจำนวน 100 ภาพ ให้กับคุณไมเคิล เพื่อให้เพื่อนๆ ใน BangkokVanguards ได้เขียนถึงความรู้สึกให้กำลังใจกับผู้ประสบภัยที่พวกเขาช่วยเหลือ และเราคุยกันถึงงานที่กำลังจะเริ่มกันอย่างตั้งใจ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วต้องลากัน

เรื่องดีๆ ที่ 5 :  ระหว่างผ่านเส้นทางบนถนน เหลือบไปเห็นรถจักรยานขายปลาหมึกปิ้งบดหมุน อยากกินมากๆ แต่ก็ได้แต่คิด เพราะจอดรถไม่ได้แน่นอน แต่ในที่สุดผมก็ได้กินปลาหมึกปิ้งสมใจ ตั้ง 4 ตัวด้วยครับ ทำไมถึงได้กิน เดี๋ยวเพื่อนๆ จะทราบแล้วครับ

เรื่องดีๆ ที่ 6 :  มาถึงวัดธาตุทองปุ๊บ เลี้ยวเข้าประตูวัด มองขวามือเห็น "งานวัด" ทันที แว๊บแรกมีความสุขมากเลยครับ เพราะว่าผมชอบงานวัดมาก ประมาณว่า ถ้าขับรถผ่านแล้วมาคนเดียว แล้วต้องไม่รีบด้วยนะครับ ผมจะหาที่จอดเพื่อเดินเล่นในงานวัดทันที ถึงตอนนี้ผมจะไม่สะดวกแล้ว แต่แค่เห็นบรรยากาศก็สุขสุดๆ แล้วครับ

ส่วนเรื่องดีๆ ที่ 7 :  คือ เพียงไม่กี่วินาที ที่รู้สึกดีใจกับบรรยากาศงานวัด ก็เห็นรถจักรยานปลาหมึกปิ้งครับ ในที่สุดผมก็กำลังจะได้กินปลาหมึกปิ้งบดนะครับ แต่อีกไม่กี่วินาทีต่อมาก็ต้องกลับมายิ่งกังวลใจมากขึ้น เพราะงานวัดตั้งอยู่บนลานจอดรถ เดิมก็ทำใจไว้แล้วว่าจะหาที่จอดรถ จึงน่าจะทำให้ยิ่งหาที่จอดรถยากมากขึ้นอีก แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะว่าอีกเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา

เรื่องดีๆ ที่ 8 :  เรากำลังจะต้องเลี้ยวขวาเพื่อวนรถ ก็มีรถคันหนึ่งกำลังจะออก มันช่างบังเอิญโชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ รปภ. โบกรถเราให้หยุด เธอถอยรถออกมาแล้วก็ไป เรากำลังได้ที่จอดรถอย่างน่าอัศจรรย์ แถมรถทางซ้าย ทางขวาก็ชิดซ้าย-ขวา ให้รถผมสามารถจชอดแล้ว เปิดประตู แล้วน้องอาสา สามารถอุ้มผมออกจากรถมานั่งรถเข็นได้ อีกต่างหาก จากนั้นผมบอกน้องอาสาผู้หญิง ดูว่าเราต้องไปศาลาไหน น้องอาสาบอกศาลา 5 ก็มาถึง





เรื่องดีๆ ที่ 9 :  น้องอาสาเข็นรถผมมาได้เพียง 10 เมตรก็พบกับศาลา 5 เลย มันช่างใกล้กับจุดที่เราจอดรถมากๆ แอบนึกถึงอาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ว่าท่านคอยช่วยดลบันดาลให้รึเปล่า แต่ผมไม่ต้องการคำตอบ เพราะว่าในใจได้นึกขอบคุณอาจารย์ไพบูลย์ไปเรียบร้อยแล้วครับ พอมาถึงในงานก็ได้พบกับ


เรื่องดีๆ ที่ 10 :  เพราะว่าผมได้ฟังบทสัมภาษณ์ของอาจารย์ไพบูลย์ บนจอทีวีที่ผู้จัดงานฯ ได้เปิดเวียนให้ผู้มาร่วมงานได้รับชม ผมฟังอย่างตั้งใจและดีใจ ปลื้มใจที่มีหลายประโยคของอาจารย์ เป็นประโยคที่ผมเคยพูดกับคนพิการ และผู้คนทำผมทำงานร่วมด้วย ผมอาจไม่เคยทำงานร่วมกับอาจารย์ไพบูลย์อย่างจริงจัง คงด้วยเพราะอายุของผมที่ยังน้อยกว่าอาจารย์มาก ผมได้แค่เพียงร่วมห้องประชุม และได้รับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ ในช่วงที่ท่านมาเป็นประธานฯ ในช่วงน้ำท่วมตั้งแต่ปี 2553-2554 และในระหว่างที่ผมอยู่ในงานฯ

เรื่องดีๆ ที่ 11 :  ผมก็ได้สังเกตุและเก็บรายละเอียด รวมทั้งยังได้ตกผลึกทางความคิดบางอย่างเกี่ยวกับงานที่ผมกำลังทำเป็นลักษณะ Social Enterprise ที่ตั้งชื่อว่า C-CES ครับ และในขณะที่ผมกำลังทำ

เรื่องดีๆ ที่ 12 อยู่ :  คือการทำสมาธิ และอุทิศกุศลให้กับอาจารย์ไพบูลย์ 4 ครั้ง เป็นการทำสมาธิช่วงสั้นๆ ที่ผมมักทำในโอกาสลักษณะนี้ การกระทำนี้ผมได้มาพร้อมกับ "ความพิการ" ที่ไม่สามารถไปช่วยใครได้ ดังนั้น การที่เราสงบนิ่ง ก็สามารถทำสิ่งมีค่าให้กับผู้วายชนม์ได้เช่นกัน ในทรรศนะของผมนั้น การทำประโยชน์ให้ผู้อื่นนั้น แม้เพียงการสงบนิ่ง หากเรามีความตั้งใจก็สามารถทำได้เช่นกันครับ งั้นต่อด้วย

เรื่องดีๆ ที่ 13 :  คือ ผมรู้ว่ามางานฯ ของอาจารย์ไพบูลย์ ดังนั้นผมต้องแต่งตัวเรียบร้อย แล้วผมก็ขอให้อาม้า (คุณแม่) ของผมช่วยติดเข็มกลัดบนเน็คไทให้ อาม้าจึงหยิบเข็มกลัด "ตระกูลลิ้ม" ซึ่งเป็นจี้พลอย มาอันดับแรก เพราะอาม้าเคยถามผมว่า จะเอาไหม ปรากฏว่า มันติดไม่ได้ มันหลวม เพราะว่าเป็นแบบเสียบ ผมจึงนึกถึงเข็มกลัด "มดบางมด" ที่ได้รับมอบมาในฐานะ "ศิษย์เก่าดีเด่น" ทำให้เช้าวันนี้ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับอาม้า มากกว่าวันอื่นๆ เป็นช่วงเวลาที่พิเศษพอสมควรครับ ผมกับอาม้าก็ถกเถียงกันเรื่อง มดตูดโด่ง มดมันเดินหน้ามากไป ต้องแก้ไขให้มันตรง อะไรประมาณนั้น ผมเล่ามาซะยาวเพื่อจะบอกว่า


เรื่องดีๆ ที่ 14 :  ผมเหลือบไปมองเห็น อาจารย์บุญเจริญ ศิริเนาวกุล (คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์) จึงได้มีโอกาสทักทายอาจารย์บุญเจริญ แล้วทราบว่าคืนนี้ บางมด (มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้า ธนบุรี) เป็นเจ้าภาพร่วม 1 ใน 12 เจ้าภาพ ผมดีใจเพราะเดิมผมเคยจะมาร่วมงานสวดอภิธรรมฯ ในวันที่ 18 แต่เพราะติดปัญหาเรื่องคิวงานเล็กน้อย จึงต้องเลื่อนมาเป็นวันที่ 20 แทนครับ จึงได้ความรู้สึกถึงความมีส่วนร่วมที่ตัวผมเองเป็ฯศิษย์บางมด และอาจารย์ยังทักเข็มกลัดบางมดด้วยครับ

เรื่องดีๆ ที่ 15 :  ผมได้รับการทักทายอย่างเอ็นดูจากภรรยาของท่านอาจารย์ไพบูลย์ว่า รถอยู่ไกลไหม สะดวกไหม ผมดีใจที่ตัวผมได้ที่จอดรถที่เหมาะสม และไม่ได้เป็นภาระทางความรู้สึกให้กับเจ้าของงาน

และเรื่องดีๆ สุดท้าย เรื่องที่ 16 :  ก็คือ มีความสุขในรถอย่างมาก ขณะรถกำลังแล่นออกจากวัด เห็นชิงช้าสวรรค์ เห็นบรรยากาศงานวัด เหมือนได้ส่งท้ายความสุขก่อนออกจากวัด บวกกับได้เคี้ยวปลาหมึกบดในรถ ถึงจะมีกลิ่นเหม็นก็ตามครับ

สุดท้ายจริงๆ แล้วครับ กับเรื่องดีๆ ที่ 17  ที่น้องอาสา จะช่วยเหลือผมในการนำรถของตัวเองมาพาผมไปธุระข้างนอกถึง 3 วัน ในระหว่างที่ ที่บ้านนำรถไปติดแก๊สครับ

แล้วเพื่อนๆ ละครับ เคยมีบ้างไหมที่จะพยายามค้นหาว่า ในแต่ละวันของชีวิตเรานั้น มีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นกี่เรื่องบ้างในแต่ละวัน สำหรับผมนั้นมีเรื่องดีๆ ทุกวัน เพียงแต่จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง เรื่องดีๆ น่าจะเป็นอาหารทิพย์ทางใจให้กับเราได้เป็นอย่างดีนะครับ

ก่อนจบบทความนี้ ผมมีความรู้สึกมากมาย ในระหว่างที่สงบนิ่งในงานสวดอภิธรรมของอาจารย์ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม อยากบอก อยากเล่าให้ฟัง ฝากเพื่อนๆ อ่านด้วยนะครับ ที่ลิงก์นี้ครับ
http://mailboxpreeda.blogspot.com/2009/02/3.html