154: แม้ว่าจะเร่งรีบ แต่หลังจากอ่านธรรมโอสถแล้ว ตั้งใจว่าต้องพิมพ์บทความให้เสร็จภายใน 15 นาทีนี้ @ 57-06-01

อันที่จริงแล้ว ช่วงนี้กำลังสับสนวุ่นวายกับตัวเองที่มีงานเข้ามาเยอะมากๆ โทษใครไม่ได้เลย เป็นเพราะว่าหลายๆ เรื่องที่เคยทำไว้ในอดีต และปัจจุบันที่มีสิ่งใหม่ๆ น่าสนใจ ท้าทาย เข้ามาหาตัวผมตลอด อยากทำไปเสียหมด แม้ว่าจะเลือก และตัดทิ้งออกไปบ้างแล้วก็ตาม หากเป็นไปได้ หากได้ทำสิ่งที่ควรทำ และได้เริ่มในสิ่งที่ต้องเริ่ม รวมทั้งจบเรื่องหลายเรื่องที่ตั้งใจ ก็จะนำแผนชีวิตที่เหลืออยู่อีกประมาณ 6 ปี มาแบ่งปันกัน ในบล็อกที่เกี่ยวข้อง สำหรับบทความนี้ รู้สึกว่าไม่พิมพ์ไม่ได้ แม้ว่าเช้านี้ต้องเร่งรีบออกจากบ้านไปทำงานสำคัญก็ตาม กับ 15 นาทีนี้ จะรีบทำให้เร็วที่สุดครับ

ธรรมโอสถ
".. อย่าคิด อย่ามองคนอื่นในแง่ไม่ดีเด็ดขาด
เขาจะดีจะชั่วก็เป็นเรื่องของเขา
ต่างก็มีกรรมเวรเป็นของตน ไม่ต้องสนใจใคร
หากสนใจความไม่ดีของคนอื่น ระวังตัวเราเอง
าจจะต้องลงอเวจี ปฏิบัติมาถึงป่านนี้แล้ว
ใครทำไม่ดีกฎของกรรมลงโทษเอง..
ระวังจิตของเราให้ดีที่สุด ทำจิตให้สะอาด
เอาจิตที่ดียกไปไว้บนพระนิพพาน
มีพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในใจ
ตลอดเวลาที่มีลมหายใจเข้าออก ..."
หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

หลังอ่านคำสอนนี้ ทำให้นึกถึงอดีตที่ต้องคอยโกหก ทั้งโกหกเพื่อให้คนอื่นสบายใจ หรือโกหกอันสำเร็จด้วยประโยชน์ต่อตนเองเป็นที่ตั้ง ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยโกหก

ล่าสุดได้ไป comment ในบล็อกของเพื่อน (อายุน้อยกว่า 7 ปี) คนหนึ่งที่รู้จักกันมากว่า 13 ปี ว่าวิธีไม่บอกบุพการี คือ "การไม่พูดถึงเลย กับพูดไม่หมด" เป็นทางออกสำหรับการไม่อยากให้รู้กับเรื่องที่คนเป็น "ลูก" มักทำเสมอๆ

การโกหกจะควบคู่กับพฤติกรรมที่ปกปิด สามารถพลิกแพลงได้หลากหลายสถานการณ์ เช่น เรื่องราวในประวัติศาสตร์ เรื่องการเมือง-การปกครอง เรื่องการงาน เรื่องการใช้จ่ายเงิน หรือแม้แต่เรื่องยอดฮิตของคนเรา คือ เรื่องความรัก

อาจรวมหมายถึงเรื่องความใคร่ด้วย เวลาเราอยากทดสอบเราอาจต้องโกหก เวลาเราอยากให้อีกฝ่ายสบายใจอาจต้องโกหก เวลาที่อยากให้ทุกอย่างเป็นอย่างที่คิดอาจต้องโกหก ในทรรศนะของผม มองว่า

"โกหก" เป็นลูกน้องของเจ้านายที่ชื่อว่า "ความลับ"

ซึ่งแน่นอนว่า "ความลับไม่มีในโลก" และแพ้ทาง "ระยะเวลา" (คิดอย่างนั้นนะ ไม่ตรงกับผู้อ่านท่านใดไม่ว่ากันนะ)

การที่ตัวเรา ที่มีการจัดการองค์กรภายในตัวเราเองนั้น หากว่าเรามี "แผนกความลับ-โกหก" แล้ว เราก็จำเป็นต้องบริหารจัดการความลับ และการโกหก ไปด้วยพร้อมๆ กัน ยิ่งมีมากแผนกนี้ก็ยิ่งใหญ่ ใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ องค์กรก็ต้องทุ่มทรัพยากรทั้งหมดที่มี ไปบริหารจัดการกับมัน ทั้งเวลา สมองที่ต้องคิดมากมาย ร่างกายที่ต้องเผาผลาญไปกับการโกหก และแน่นอนว่าต้องเสียเงินทอง ที่ต้องสนับสนุนทุกๆ อย่างให้เป็นไปตามการโกหก

กำลังจะบอกผู้อ่านและเพื่อนๆ แค่ว่า ยุบแผนกนี้ออกไปเสียเถอะ หากจำเป็นจริงๆ ให้แค่เป็นเพียงเลขาส่วนตัวก็พอ ไม่ต้องมากมายอะไร มนุษย์เรายังมีเรื่องต้องทำอีกมากมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น

ในส่วนที่สองของคำสอนของหลวงพ่อฤาษี ผมนึกถึงการปรับปรุงตัวเองเรื่องนี้จากในอดีต มันทำให้เรามีคุณค่าขึ้นมาก อยู่กับปัจจุบันที่พยายามให้มีความลับน้อยที่สุด เพื่อจะโกหกให้น้อยที่สุด แล้วชีวิตทุกๆ คนจะสุดๆ กับเรื่องที่ตั้งใจไว้ครับ