237: "เส้นทางคู่ขนานที่มาบรรจบกัน" ตอนที่ 67: วันครบรอบแต่งงาน 25 ธ.ค.62 ที่ข้าพเจ้าทั้งรู้สึกมีความสุขกับอาม้า ภรรยาและครอบครัว @ 25 ธ.ค.62

สวัสดีครับทุกท่าน ใกล้ส่งท้ายปีเก่า 2562 และรับปีใหม่ 2563 หากท้าวความย้อนไป 6 ปีก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.57 ผมกับคุณเจี๊ยบ ชนัญชิดา ลิ้มนนทกุล ได้แต่งงานกัน นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นครอบครัวที่ต่อสู้เพื่อส่วนรวมร่วมกันมานับแต่วันนั้น และด้วยความโชคดีของครอบครัวเราที่คุณเจี๊ยบได้สนใจและติดตามรายการ "ช่องส่องผี" ที่มี อาจารย์เรนนี่ คุณบ๊วย และอาจารย์เจม 3 ท่านที่ร่วมมือกันอย่างลงตัวในการออกเดินทางทั่วประเทศที่จะบอกเล่าเรื่องราวของบาปกรรม ผ่านดวงวิญญาณ เพื่อสั่งสอนให้คนในสังคมไทยเริ่มตระหนักถึงความดี ความชั่ว แล้วหันกลับมาเริ่มก่อกรรมดีใหม่ ซึ่งในหลายๆ ตอนที่ครอบครัวของเราได้ดูนั้น มีตอนของเปรตวัดสุทัศน์ https://www.youtube.com/watch?v=bjQHrBjK9E8 ส่วนตัวผมแนะนำให้ทุกท่านที่ดูเทปของรายการช่องส่องผี ว่าต้องดูทุกวินาที ทุกคำพูด ของพิธีกรทั้ง 3 ท่าน เนื่องจากมีสาระทั้งสิ้น

เหตุของบทความนี้เกิดจากคำพูดของอาจารย์เรนนี่ในช่วงท้ายของเทปที่กล่าวว่า "ไปมาทั่วประเทศแล้ว พึ่งเคยเห็นว่า ในสถานที่ที่ท่าน (พระกลักฝิ่น) อยู่นั้นเป็นเหมือนประตูมิติ ที่ท่านจะเป็นผู้พิพากษาระหว่างโจทก์กับจำเลยได้มาพบเจอกันและขออโหสิกรรมกัน" (ข้อความอาจจะไม่ตรง 100% แต่ความหมายความเข้าใจตามนี้เลยครับ) คำกล่าวของอาจารย์เรนนี่ตรงนี้ละ ผมกับภรรยาจึงปรึกษากันว่า ครอบครัวเราและอาม้า (คุณแม่ของผม) เราจะพาอาม้ามาด้วย เพื่อมาขออโหสิกรรมกัน เพราะเราทุกคนเกิดมาได้มาเป็นแม่ลูกกัน ได้มารักกัน ย่อมเป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน อีกทั้งถ้าใครได้ติดตามดูเทป จะทราบว่า วัดสุทัศน์มีความพิเศษตรงที่ ดวงวิญญาณสามารถเข้านอกออกในวัดสุทัศน์ด้ เพื่อเป็็นการเปิดโอกาสให้ดวงวิญญาณทั้งหลายได้เข้าถึงพระธรรม และสามารถจะปรับภพภูมิให้สูงขึ้นได้

กว่าเราจะได้มาที่วัดสุทัศน์ได้นั้น เราตั้งใจเดินทางไปตั้งแต่วันจันทร์ที่ 23 ธ.ค.62 เพราะเกรงว่าอาม้าจะไม่สะดวก มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องเลื่อนเป็น 24 ธ.ค.62 ตอนเช้า และก็เลื่อนเป็นบ่าย แล้วก็ยกเลิกมาเป็นช่วงเช้าของวันที่ 25 ธ.ค.62 แล้วก็ยกเลิกมาเป็นช่วงบ่าย ในที่สุดเราก็มาจนได้ สำเร็จ ท้ายที่สุดเราอาจถูกกำหนดให้ต้องเดินทางไปในวันนี้ เพราะเป็นวันพระ และยังเป็นวันครบรอบแต่งงานอีกด้วย

พวกเรามาถึงวัดสุทัศน์แล้ว มีการสวดมนต์วันพระจึงไปที่ศาลาการเปรียญก่อน


เมื่อดูรายการช่องส่องผี จึงทราบว่า เป็นอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
เดี๋ยวเราไปกราบพระกลักฝิ่น แล้วค่อยกลับมาสักการะพระประธานอีกครั้ง

จากหน้าอุโบสถเดินไปทางซ้ายมือตรงไปประมาณ 3 ประตู
จะพบป้ายบอกไป "หลวงพ่อกลักฝิ่น" ตรงไปเลี้ยวขวาตรง
หอระฆังจะพบศาลาการเปรียญและมีป้าย "พระพุทธเสรฏฐมุนี"

ป้ายศาลาการเปรียญ และป้าย "พระพุทธเสรฏฐมุนี"

อาม้าผมกับภรรยา กำลังจัดเตรียมเก้าอี้ให้ผมนั่งครับ


ผมซึ่งพิการรุนแรงไม่สามารถนั่งพื้นได้ ต้องนั่งบนเก้าอี้ที่อาม้าและภรรยา
จัดเตรียมไว้ให้ ดูท่าทางหลายท่านคงสงสัยกันว่าผมเป็นใครถึงนั่งเก้าอี้

ลูกสาวถ่ายภาพพระกลักฝิ่น หรือ พระพุทธเสรฏฐมุนี

เริ่มมีญาติโยมมาสักการะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากครอบครัวเราได้อธิษฐานขออโหสิกรรมร่วมกันเสร็จแล้ว
มีพระภิกษุท่านหนึ่งเข้ามาพูดคุยด้วย สอบถามถึงความพิการ
ท่านให้กำลังใจ และเล่าถึงอาการอาพาตของท่าน แบ่งปันให้ฟัง


มีญาติโยมมาสักการะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนกลับผมบอกกับอาม้าและทุกคนว่า ควรไปสักการะขอพรกับพระอีก 2 องค์ คือ พระเหลือ (พระพุทธรังสีมุทราภัย) ที่หล่อเหลือจากพระกลักฝิ่น และพระสุนทรีวาณี ซึ่งเกิดจากภาพวาด ตั้งอยู่ด้านซ้ายของพระกลักฝิ่น

พระภิกษุท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านมีทุกข์เรื่องเจ็บป่วยจากอาการบาดเจ็บที่ตา ยิ่งรักษาก็ยิ่งเป็น จึงไม่รักษาแล้วปล่อยอาการ ผมจึงกล่าวว่า ที่ตัวเองต้องมาพิการนั้นก็ยอมรับแต่โดยดี (มาตั้งแต่แรกๆ ที่เป็นพิการ) จึงบอกท่านเพื่อให้ท่านไม่ต้องเป็นห่วง

ตอนที่ร่วมกันอโหสิกรรมนั้น อยากแบ่งปันเพื่อนๆ ทุกท่านว่า ครอบครัวเราอโหสิกรรมอย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่นเราก็ทำตามอาจารย์เรนนี่เป็นส่วนใหญ่ แต่เพื่อให้เข้าใจและทำตาม จำได้ไม่ยาก เนื่องจากอาม้าผมอายุมากแล้ว ขี้ลืม ผมจึงแบ่งการอธิษฐานออกเป็น 3 ช่วง ดังนี้ครับ

  1. ช่วงแรก ให้ทุกคนกล่าวชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด และนึกถึงประสบการณ์ที่ประสบพบเจอที่ไม่ดีกับชีวิต เมื่อนึกถึงแล้ว ให้ยอมรับ สำนึกว่า เป็นเพราะเราเคยทำไม่ดีมาก่อนจึงต้องรับชะตากรรมที่ผ่านมา ยอมรับผลกรรมนั้นกับเจ้ากรรมนายเวรของเรา
  2. ช่วงที่สอง ให้ทุกคนอโหสิกรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวร และให้เราขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวร โดยให้นึกถึงการกระทำที่ไม่ดีของเราที่ทำกับเจ้ากรรมนายเวรของชาตินี้ด้วย ผมขอยกตัวอย่างของตัวเองสัก 1 เรื่อง คือ ผมมีหน้าที่นำลูกแมวไปปล่อยวัดใกล้บ้านจนจำไม่ได้ว่ากี่คอก แต่เยอะมากเกิน 10 คอกแน่นอนครับ
  3. ช่วงที่สาม ให้เราขออโหสิกรรมกับทุกๆ คนที่มาด้วย โดยตัวเองก็ต้องอโหสิกรรมให้กับทุกคนที่มาด้วยกัน
ด้านหน้าของพระอุโบสถ ที่ด้านในมีชุมนุม 80 พระอรหันต์

เมื่อเราจะกลับ ภรรยาผมเดินนำหน้าไป เพื่อดูความเรียบร้อยของรถเข็น ส่วนตัวผมก็ขี่หลังน้องคนขับรถที่มาร่วมอโหสิกรรมด้วย เมื่อไปถึงภรรยาผมก็บอกว่า "แมวมาฉี่ใส่รองเท้านะ แปลว่าเจ้ากรรมนายเวรรับรู้แล้ว" น้องคนขับรถกำลังจะเช็ดรองเท้าให้ ผมบอกว่า "ไม่ต้องปล่อยให้แห้งเอง ผมยอมรับทุกเรื่องในวันนี้" ไม่นานฉี่แมวก็แห้งติดรองเท้า พวกเราออกมาสักการะพระในอุโบสถ (พระพุทธตรีโลกเชษฐ์) ผมรออยู่ด้านนอกเนื่องจากบันไดสูงพอสมควร ผมสักการะด้านนอก ภรรยามาอาม้าและลูกสาวเข้าไปสักการะท่านในอุโบสถ เมื่อทุกคนออกมาด้านนอกหน้าอุโบสถ พวกเราทุกคนกล่าวอุทิศส่วนบัญกุศลให้กับทุกๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้ากรรมนายเวร บรรพบุรุษ ฯลฯ และอุทิศให้กับ นายล้อม นายบุญเพ็ง เปรตที่อยู่ที่วัดสุทัศน์ ด้วย

เมื่อเข้ารถผมมจึงถามเรื่องแมวฉี่ใส่รองเท้ากับภรรยา เธอบอกว่า เธอเห็นแมวฉี่ตั้งแต่แรก เพราะแมวฉี่ดี คือ ฉี่ใส่รองเท้าด้านนอก นั่งยองฉี่ มองหน้าเธอ แล้วลุก ผมมาถึงพอดี ภรรยาผมมีสัมผัสด้านนี้เล็กน้อย ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันผมรับรู้มาโดยตลอด ผมเองก็ไม่ได้รังเกียจฉี่แมวแต่อย่างงใด ผมจึงเล่าให้ทุกคนฟังว่า ผมขออโหสิกรรมกับลูกแมวทุกตัวที่ผมได้ปล่อยที่วัดด้วย ภรรยาผมยังเล่าให้ฟังอีกว่า ตอนที่แมวตัวนี้ฉี่เสร็จ เขาก็ยังฟังเราทุกคนพูดคุยกัน เธอบอกแมวว่า รับรู้แล้ว ว่ามาบอก แมวตัวนั้นก็เดินจากไป เรื่องแมวก็เป็นอีกเรื่องที่ผมอยากแบ่งปันให้ทุกท่านรับรู้ครับ

ก่อนเราจะพากันออกจากวัดสุทัศน์นั้น ยังมีคนมาสอบถามถึงพระกลักฝิ่น เพราะดูรายการช่องส่องผี และตามกันมา ผมเกือบลืมว่า พระภิกษุท่านที่มาพูดคุยด้วยก็บอกเราเช่นกันว่า เมื่อก่อนไม่ค่อยมีคนมาสักการะ ตั้งแต่ออกรายการช่องส่องผีไป มีคนมามากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตัวก็เชิญชวนทุกๆ คนมาสักการะพระกลักฝิ่น ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เพื่อขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวร เพื่อเริ่มสิ่งใหม่ๆ ปรับชีวิตใหม่ในปีหน้า 2563 ที่จะถึงนี้ด้วยครับ

ว่วนเทปที่น่าสนใจอีก 2 เทปของช่องส่องผีคือ เรื่องเจ้ากรรมนายเวร ดูจบแล้วทุกท่านก็จะมีความรู้ความเข้าเพิ่มมากขึ้น ท่านใดที่กำลังจะไปวัดสุทัศน์ หากได้ดู 2 เทปนี้ก่อน ตอนอธิษฐานขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวร จะทำให้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น หรืออีกนัยหนึ่ง ท่านใดได้ดู 2 เทปนี้แล้วจะทำให้ท่านพัฒนาความคิดจิตใจของตัวเองได้มากยิ่งขึ้นครับ


ประวัติของพระพุทธเสฏฐมุนี หรือ พระกลักฝิ่น

ประวัติพระพุทธรังสีมุทราภัย หรือ พระเหลือ


ประวัติพระสุนทรีวาณี ที่เกิดจากภาพวาด

รายนามท่านเจ้าอาวาสของวัดสุทัศน์

ขอบคุณภาพถ่ายบางส่วนจากคุณเทพฤทธิ์ ศรีคงรักษ์ ครับ

๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๒