ผมกลับมาอยู่กรุงเทพอีกครั้งตอน (11) ขวบ : สุดยอดอัจฉริยะแห่งอัจฉริยะข้ามคืน

ผมชอบดูรายการ " อัจฉริยะข้ามคืน " ในคืนวันจันทร์มากเป็นพิเศษ เพราะว่าต้องคิดตามรายการ ชื่นชมคนคิดโจทย์ ซึ่งก็อาจจะสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ หรืออาจจะมีโจทย์ลักษณะนี้ในตำรา ผมชอบความบีบคั้น กดดันความรู้สึกของผู้เข้าร่วมแข่งขัน ทุกคนต้องคิด บนสถานการณ์ที่เครียด ผมมีมุมมองว่า "เป็นการจำลองชีวิตจริง" ที่ทุกคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะในภาวะที่ต้องสู้ - อดทน - ทำมาหากิน - เคลียร์หนี้สิน - แก้ปัญหา ต่างๆในชีวิตประจำวันของเรา

Concept ของรายการที่ให้ผู้เข้าแข่งขันต้องอดหลับอดนอน คือต้อง " ข้ามคืน " นี้ในความคิดผม ดีมาก เพราะผู้แข่งขันต้องใช้ " พลังชีวิต " พอสมควร บางคนอาจทิ้งความรู้สึก หรือเหตุการณ์อย่างนี้ไปนานมาก ผมจำได้ว่า ได้ยินบ่อยมากที่ ผู้ชนะมักพูดว่า " ไม่เคยต้องทุ่มเทอะไรมากมายขนาดนี้ " หรือ " นานมากแล้วที่ผมต้องทำอะไรๆ มากขนาดนี้ "

การที่นำผู้เข้าร่วมแข่งขันจากหลากหลายอาชีพมารวมกัน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถในด้านต่างๆ ก็เป็นเสมือนตัวแทนคนในสังคม จากนั้นก็ให้เลือกจับกลุ่มกันเอง ก็มองได้ว่าเป็นการอยู่ร่วมกันในสังคม เพื่อแก้ปัญหา หรือโจทย์ ของทางรายการให้สำเร็จลุล่วงไปได้ เปรียบดั่งการร่วมมือร่วมใจกันของคนในสัคมที่จะพาส่วนรวมไปในทิศทางที่ดีขึ้น เช่นชุมชนรวมตัวกัน เพื่อปกป้องหมู่บ้านเหมือนในภาคใต้ หรือสามัคคีกันต่อต้านยาเสพติด ตามหมู่บ้านในต่างจังหวัด ส่วนโจทย์ผมมองว่าคือ ปัญหาที่เกิดขึ้น ที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ผมไม่รู้ว่า จะมีใครมองรายการนี้ว่าดูแล้ว " เครียด " หรือเปล่า แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบมาก " ไม่เครียด" ผมมักบอกหลายๆ คนว่า " ผมกินความเครียดเป็นอาหาร " รายการนี้ใกล้เคียงกับการใช้ชีวิตของผมมาก เช่น ตอนเรียนลูกเสือ ผมจะหาวิธีอื่นตัดเชือก แทนที่จะใช้มีดที่มีอยู่แล้ว ผมชอบเปลี่ยนเส้นทางในการเดินทาง ทั้งๆ ที่จุดหมายเป็นที่เดิม ผมชอบจำลองสถาณการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น และหาวิธีการแก้ปัญหา หรือทำจริงเพื่อให้ทราบวิธีการ

ดังนั้นรายการนี้ จึงทำให้ผมได้ครายเครียดเป็นอย่างดี ในตอนนี้ที่ผมยกขึ้นมาเขียนเพราะชอบมากๆ คือเขานำเอา คนที่เคยได้รับรางวัลชนะเลิศในแต่ละอาทิตย์มาแข่งกันอีกรอบ และในโจทย์สุดท้ายก่อนไปชิงเงินรางวัล 1,000,000 บาท สำหรับผมแล้ว ผมมองว่าเป็น Highlight ของรายการ คือ " การถอดรหัส " ซึ่งครั้งนี้ไม่ธรรมดาครับ เพราะต้องถอดรหัสถึง 4 ครั้งติดต่อกัน คือ รหัส 3 ตัว, 4, 5 และ 6 ตัวครับ โดยรหัวของแต่ละตัวจะทำให้เปิดเซฟ เพื่อไปหารหัสตัวที่มากขึ้น จนเซฟสุดท้ายคือคำถาม ที่ทุกคนต้องตอบให้ถูก ผมคงไม่พูดถึงรายละเอียดอื่นของรายการ หรือผู้ชนะ แต่ผมจะขอนำ " เฉลยของการถอดรหัส " ในเกมครั้งนี้ (จันทร์ที่ 9/7/07) มาเล่าสู่กันฟัง

รหัส 3 ตัว มีคำใบ้ว่า " คมกระบี่ปีดาบ "

เฉลยคือ ให้นับตัวเลขจาก " คม " ซึ่งกระบี่มี 2 คม, เดือนที่ลงท้ายด้วย คม ใน 1 ปีมี 7 เดือน, และดาบมี 1 คม จึงได้รหัส 271

รหัส 4 ตัว มีคำใบ้ว่า " 1234 " (ทำให้ผู้แข่งขันงงเลย)

เฉลย ให้มองว่า มี 1 ตัวคือ 2 และมี 3 ตัวคือ 4 จะได้รหัส 2444 ซึ่งข้อนี้จะไปมองว่า มี 1 อยู่ 2 ตัว และมี 3 อยู่ 4 ตัว ไม่ได้ เพราะกลายเป็นว่าจะได้รหัสถึง 6 ตัวเลยคือ 113333 (จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อ เป็นคำใบ้ ของรหัส 6 ตัว)

รหัส 5 ตัว มีคำใบ้ว่า " ทำมัมมี่บะหมี่เกี๊ยว "

เฉลย ให้ตีความหมายของ " ทำมัมมี่ " เป็น " พัน " มัมมี่ จึงได้ 4 ตัวแรกคือ 1000 และ ชาย 4 บะหมี่เกี๊ยว คือมี 4 มาเกี่ยวข้องกับบะหมี่เกี๊ยว จึงได้รหัส 5 ตัวคือ 10004

รหัส 6 ตัว มีคำใบ้ว่า " กดรหัสอัจฉริยะ "

เฉลย ให้มองว่าถ้าเราจะกดคำว่า " อัจฉริยะ " เป็นภาษาอังกฤษคือ " Genius " ซึ่งได้ 6 ตัวพอดี จากมือถือ เรากดที่แป้นตัวเลขไหนบ้าง จะได้ตามตำแหน่งที่กดตรงกับตัวเลขว่า 436487

ช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผมดูเกมนี้ทุกวันจันทร์ ผมมีความสุข คิดถึงตอนเรียน ที่มักนำเอา ตัวเลขในตั๋วรถเมล์ มาบวกกัน จากนั้นก็มาแยกส่วนประกอบ คือเอาจำนวนเฉพาะ ซึ่งก็คือ 2, 3, 5, 7, 11, 13, ... มาหาร ว่าได้กี่ตัว หรือถ้าเหลือเวลาก็นำมาถอดสแควร์รูทต่อ ภายในเวลาที่กำหนดคือ 5 ป้ายรถเมล์ จากบ้านถึงโรงเรียน

ขอบคุณครับ

ปรยา(ปรีดา ลิ้มนนทกุล )
mobile : 086-314-7866
Tel. & Fax.: 02-924-2726
email : preeda.limnontakul@gmail.com
update : July 11, 2007