146: เกิดเป็นคนถ้าจะต้องเลือกทำในสิ่งที่ควรทำ ยังดีกว่าพวกดันทุรังทำทั้งๆ ที่คนเขาค้านกันทั้งบ้านทั้งเมือง

สวัสดีครับเพื่อนๆ บทความนี้ผมพิมพ์ขึ้นระหว่างที่ตัวเองกำลังเคร่งเครียดอยู่กับการทำโครงร่างวิทยานิพนธ์ ที่ล่าช้ามากแล้ว แต่ที่ต้องพิมพ์เพราะว่ามันเก็บเอาไว้ในใจมา 2 วันแล้ว นับจากเรียนซัมเมอร์จบ ก็เร่งรัดอยู่กับการเคลียร์งานต่างๆ ที่คั่งค้างไว้นาน บวกกับต้องส่งวิทยานิพนธ์ ทำให้ชีวิตยังคงวนเวียนอยู่กับสิ่งที่ควรทำตลอดเวลา เพียงแต่จัดเวลาให้กับสิ่งที่ควรทำเท่านั้นเอง ในช่วงเวลาเดียวกันก็พบเห็น รับรู้ กับผู้คนจำนวนมาก ที่กำลังทำในสิ่งที่ควรทำ เช่น นักวอลเล่ย์บอลหญิงทีมชาติที่กำลังทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด

หรือแม้แต่กลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่กำลังเดินเท้ากว่า 400 กิโลเมตรจากแม่วงศ์มายังกรุงเทพมหานคร นครที่มีเสือ สิงห์ กระทิง แรด อยู่เต็มนคร หากแต่เสือ สิงห์ กระทิง แรดที่กรุงเทพมหานครแห่งนี้ ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้ว่ามนุษย์จำนวนมากกำลังทำสิ่งที่ควรทำ และสิ่งที่ถูกต้องอยู่ ไม่ว่ามนุษย์เหล่านี้จะพูดจาด้วยเหตุผลสักเท่าไหร่ ก็ไม่ยอมเข้าใจเสียที และยังคงยืนยันทำในสิ่งที่ไม่ควรทำต่อไป

ในวันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2556 ผมมีความลังเลใจมากในการเลือกที่จะไปร่วมเดินคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนแม่วงศ์ กับการไปร่วมงานระดมความคิดเห็นเรื่อง "การจัดการน้ำ" ของสภาผู้ชมผู้ฟังไทยพีบีเอส หังพิจารณาดูแล้วว่าคงจะมีการสมทบจากผู้ร่วมอุดมการณ์จำนวนมาก และกับฝนฝ้าที่ตัวผมที่เป็นคนพิการนั่งรถเข็น อาจไปสร้างความเดือนดร้อนกับคนหมู่มากที่กำลังใช้ความวิริยะอุตส่าหะ แสดงเจตนาอันบริสุทธิ์ คัดค้านพวกเสือ สิงห์ กระทิง แรด จึงตัดสินใจที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งในงานเสวนา+ระดมความคิดเห็น+ข้อเสนอแนะเรื่อง "การจัดการน้ำ" และในวง ยังเชื่อมโยงถึงเรื่องการคัดค้านเขื่อนแม่วงศ์ เรื่อง 3.5 แสนล้าน และ 2 ล้านล้านบาท


การแสดงพลังคัดค้านเขื่อนแม่วงศ์ที่หอศิลป์ กทม. เมื่อ 22 ก.ย. 56
เครดิตภาพจาก http://www.facebook.com/Bee.Piyaporn

สำหรับเรื่อง 3.5 แสนล้าน ส่วนตัวมีมุมมองหนึ่ง อาจจะไปเหมือนหรือแตกต่างจากท่านอื่นๆ ก็ได้ตรงที่ว่า แทบทุกโครงการเป็นเรื่องไม่สมควรทำในลักษณะโครงการรวมแบบนี้ เนื่องจากแต่ละเรื่องนั้นมีบริบทในแต่ละด้านแตกต่างกัน ควรขับเคลื่อนตามกฎหมายไทย ไปตามแต่ละพื้นที่ รัฐบาลเหมือนทำการโยนหินถามทาง เหมือนคิดว่าเราไม่รู้เรื่อง ปัจจุบันเป็นยุคดิจิตอล ข้อมูลที่ถูกต้องและตั้งอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงนั้นปิดบังไม่ได้ แต่รัฐบาลไทยยุคนี้หน้าหนามาก พวกเขามาทำหน้าที่แทนประชาชน ทำไมไม่ฟังเสียงประชาชน

มุมมองที่มองส่วนตัว คือ 3.5 แสนล้านเป็นกลลวง ที่ถ้าหากว่าทำได้ ก็ถือว่ามีโชค แต่พวกเขาเหมือนมั่นใจว่าหากดันทุรังโครงการใหญ่ผ่าน แบบผิดขั้นตอน คือไปออกโครงการจ้างผู้รับเหมามาก่อน แล้วจึงค่อยไปทำขั้นตอนที่ควรทำอย่างเช่น การประเมินผลกระทบ ผมมองมุมกลับว่าเขาต้องการ 2 เด้ง คือ
  1. ถ้าโครงการไม่ผ่าน ก็ยังได้เงินมัดจำ ถ้าข้อนี้เป็นจริง พวกเขาก็แทบจะดูเรากระวนกระวาย ในการออกมาเรียกร้อง โดยรู้อยู่แล้วว่ามนุษย์อย่างเราๆ จะไม่ยอม แล้วโครงการก็ล้มเลิก แต่พวกเขาก็ได้เงินไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต่างอะไรกับเวลาจะยืมเงิน ออกปากว่าอยากยืม 1 แสน แต่ตั้งใจเอาแค่ 5 พันบาท เพื่อสร้างโอกาสให้ตัวเอง เพราะโครงการย่อยต่างๆ นั้น แต่ละรายการ เป็นไปได้ค่อนข้างยาก หรือไม่ก็ไปเอางานที่มีการใช้งบประมาณประเมินไปแล้วมาขอเงินใหม่อีกรอบ/ ไม่ต่างอะไรกับบางโครงการที่ผมทราบมา เช่น โครงการปลูกเห็ด ทำมาเพียง 1 ครั้ง แต่กลับไปทำเรื่องของบประมาณมาได้ 3 แหล่งเงินสนับสนุน ตัวอย่าง 1.ขอจากโครงการพัฒนาอาชีพจาก กศน. 2.ขอจากรัฐท้องถิ่น อบต. หรือ 3.ของบจากการส่งเสริมอาชีพของหน่วยงานตระกูล สอ. สุดท้ายอาจพ่วง 4. จากเงินบริจาค
  2. ถ้าโครงการผ่าน ก็ส้มหล่น พวกรอให้คอมมิชชั่น ก็เสนอตัวแบบเรียงคิว จนประเทศชาติย่ำแย่ เพราะการคอรัปชั่น
  3. ข้อ 3 นี้ไม่ใช่ของผม แต่เป็นของผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่คิดแบบคนบ้านๆ ต่างจังหวัดว่า พวกเขากำลังทำบ้านเมืองฉิบหาย แล้วจะอ้างว่า มีคนเพียงคนเดียวท่จะมากอบกู้ชาติบ้านเมืองได้ (ซึ่งผมเองยอมรับว่าไม่ได้เสนอความคิดเห็นแย้งไปตอนนั้นว่า ก็พวกของเขาทำฉิบหาย แล้วมันจะมีข้ออ้างอะไรมาบอกว่าจะมาแก้ไขได้) แต่ก็เป็นอีกมุมมองที่นำมาแบ่งปัน




กำลังทำหน้าที่ในสิ่งที่ควรทำที่ไทยพีบีเอส



สติ๊กเกอร์ NO DAM 
เครดิตภาพจาก http://www.facebook.com/Bee.Piyaporn

ถึงแม้ว่าผมจะได้เลือกทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว แต่ใจก็ยังคิดถึงเขื่อนแม่วงศ์ อยู่ดี จึงอยากได้สติ๊กเกอร์ไปติดที่รถอย่างมาก ในวันงานที่ไทยพีบีเอส อาจารย์ภารณี ท่านมาเป็นวิทยากร ผมจึงขอสติ๊กเกอร์จากท่านได้มา 1 อันแล้ว จะเอาไว้ติดหน้ารถ ส่วนอีกอันจะติดท้ายรถ อยากติดข้างรถด้วยแต่เกรงใจเจ้าของสติ๊กเกอร์ครับ

อยากเห็นแกนนำออกมาบอกว่า ให้ทุกคนช่วยกันแสดงพลังแบบง่ายๆ เช่น (เสนอแบบไม่คิดมากนะครับ) นัดวันกันแต่งตัวสีดำ เป็นต้น หรือทำอะไรก็ได้ง่ายๆ หรือมีการนัดรวมตัวหลายๆ แห่ง เพราะบางคนอยู่ไกล ถ้าใกล้ที่ไหนจะได้ไปสะดวก แต่ให้ทุกจุดมีแกนนำไว้ ถ้าให้ดีก็ลงชื่อไปเลยครับ ทำมันทุกจังหวัดเลยก็ได้ครับ ผมเชื่อว่ามีคนดีอยู่ทั่วประเทศ เพียงแต่หาวิธีการง่ายๆ ขึ้นมาครับ ผมคิดถึงขนาดว่า (ยกตัวอย่างเช่น) คัดค้านเขื่อนแม่วงศ์ ถึงจะเป็นคน กทม. ให้ออกมายืนหน้าบ้าน ใส่เสื้อขาวหรือดำ นัดหมายเวลากัน อะไรทำนองนี้ ฝากคนที่เกี่ยวข้องลองพิจารณานะครับ ผมจะเป็นส่วนหนึ่งของทุกคน

บทความนี้ก็เปรียบเสมือนการได้ทำอะไรบ้าง ในสิ่งที่ควรทำ ในฐานะคนพิการรุนแรงคนหนึ่ง ให้พวกเสือ สิงห์ กระทิง แรด ที่อาศัยอยู่ในป่าคอนกรีต (กรุงเทพฯ และปริมณฑล) ได้รู้ว่าควรทำในสิ่งที่ควรทำบ้าง หรือว่าคิดจะย้ายกันไปอยู่ประเทศอื่นแล้ว ถึงได้จะทำลายประเทศชาติแบบนี้

จากคนพิการที่สามารถอยู่ในภาวะน้ำท่วมได้ อย่าเอาเรื่องน้ำจะท่วมมาอ้าง และทำโครงการบ้าบอ หลอกกินเงินภาษีของทุกคน ผมพิการแต่ยื่นภาษีทุกปี ขอร้องอย่าแถไปเรื่อยๆ เพื่อจะทำลายประเทศนี้ พวกเรายอมโดนน้ำท่วมใหญ่ทุก 10-14 ปี ดีกว่าครับ

เขียนบทความวันที่ 23 กันยายน 2556