จากตอนที่ 1 ผมได้เกริ่นไว้ว่า จะไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันกับสถานีตำรวจ เอาไว้ว่าบริษัทให้บริการแอร์ เข้าข่ายมิจฉาชีพ นั้นผมต้องเลื่อนออกไปก่อน เพราะว่าบริษัทเดิม ได้ติดต่อกลับมา หลังจากที่เราโทรไปคุยหลายครั้งว่าแอร์ยังไม่เย็น เขาจะให้ช่างเข้ามาดูให้ใหม่ เขาอยากบริการเรา ซึ่งน้องสาวก็ไม่ยอม เพราะไม่ไว้ใจช่าง ทางนั้นจึงยืนยันมาว่า เจ้าของบริษัท จะมาเอง เราจึงไว้วางใจให้เครดิต เพราะเจ้าของให้ความสำคัญมาเอง
เมื่อเจ้าของมาถึง ให้ลูกน้องตรวจดู ซึ่งก็ต้องจบลงที่เดิม คือ การล้างแอร์ เพราะว่าฝุ่นจับที่แผงคอยล์เย็น มากๆ นับเป็นจุดเริ่มต้นแรก ที่ผมอยากแนะนำเพื่อนๆ ว่า สิ่งที่ควรทำ คือ การล้างแอร์สม่ำเสมอ ขึ้นกับปริมาณการใช้งาน ถ้าใช้น้อยเปิดเฉพาะกลางคืน ควรล้างทุก 6 เดือน แต่ถ้าเป็นพื้นที่ ที่มีการใช้งานทั้งวัน 15-24 ชั่วโมง ควรล้างทุก 3-4 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับสิ่งแวดล้อมประกอบ เช่น ติดถนนหรือไม่ หรือ มีการก่อสร้างใกล้บ้าน หรือ มีคนเข้า-ออก พลุกพล่านในห้องแอร์ เป็นต้น แต่โดยภาพรวมคือ ถ้าแอร์ที่เราเคยใช้งานปกติ ไม่เย็น ให้เรียกล้างแอร์ไว้ก่อนเป็นลำดับแรก ครับ
ช่างแอร์บริษัทเดิม ยืนยันว่า ต้องเก็บเงินค่าล้างอีก 500 บาทค่าล้างแอร์ และบอกว่าช่างคนเดิม เติมน้ำยาแอร์จริงๆ เท่ากับว่าที่บ้านผมต้องเสียเงินไปแล้ว 750+500 = 1,250 บาท น้องสาวผมเกรงใจช่างแอร์ลูกน้องเก่า เพราะอยู่ไกล ไม่อยากให้เดินทางมา แต่หลังจากนี้สำคัญครับ อีก 2 ชั่วโมงต่อมา แอร์ก็เป่าแต่ลมเหมือนเดิม ไม่เย็น อีกแล้วครับ ผมยังคงต้องเปิดพัดลมเหมือนเดิม ทำให้ที่บ้านผมตัดสินใจว่า จะไม่ใช้ช่างแอร์บริษัทเดิมอีกแล้ว และได้โทรไปสอบถามญาิติๆ ว่า มีช่างแอร์ที่ไหนไว้ใจได้บ้าง และได้นัดหมายให้มารุ่งขึ้น ทุกคนยืนยันว่าเก่งมาก
ภาพช่างแอร์บริษัทเดิม ขณะเข้าครั้งที่ 2 เพื่อล้างแอร์ ซึ่งควรเป็นขั้นตอนแรกที่ควรจะทำ
วันต่อมา ผมก็เดินทางออกนอกบ้าน เพื่อไปคุยงานที่ Central World และ รพ.ศิริราช ซึ่งเป็นงานบุญ ในโครงการเทิดพระเกียรติ 84 พรรษาฯ ระหว่างเดินทางช่วงเช้า น้องสาวผมก็โทรเข้ามาว่า ช่างแนะนำว่า "ต้องเดินท่อน้ำยาใหม่หมด เนื่องจากแคปทิวส์มันตัน ต้องเสียเงินทำระบบใหม่ ประมาณ 2,800 บาท" ผมไม่รู้ว่า น้องสาวผมถอดคำพูดไม่ตรง หรือช่างใช้คำพูดหลอกลวง แต่ละเหตุผลฟังไม่ขึ้นทั้งสิ้น เช่น
- "แคปทิวส์ตัน มันสกปรก ต้องตัดแคปทิวส์ออก แล้วเปลี่ยนใหม่"
- "ก่อนเปลี่ยนแคปทิวส์ ต้องปล่อยน้ำยาออก ทำให้น้ำยาหมด ต้องเติมใหม่"
- "และถ้าต้องเปลี่ยนแคปทิวส์ ก็ต้องเดินระบบน้ำยาแอร์ใหม่ทั้งหมด ต้องเชื่อม ต้องทำงานเยอะ"
สรุป คือ ช่างแอร์ชุดใหม่ จะเก็บเงิน 2,800 บาท น้องสาวบอกผมว่าจะทำ ไม่อยากให้ผมร้อนนะ เขาสงสารผม ที่สำคัญผมทำงานไม่ได้มาหลายวันแล้ว ผมรีบบอกน้องสาวว่า "หยุด อย่าทำ อย่าให้ช่างไม่ดีพวกนี้มาหลอก เดี๋ยวผมจัดการเรื่องนี้เอง" (มีรายละเอียดในการพูดคุยหลายเรื่อง ผมไม่ขอนำมาเขียนในที่นี้ แต่จะสรุปเป็นข้อมูลรวม ให้เพื่นๆ ได้อ่านกัน ในตอนสุดท้าย ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ทุกๆ ท่าน ครับ
พรุ่งนี้ผมยังต้องออกจากบ้านอีกวัน ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง ด้วยคนที่ผมมี คือ คนดูแลผม และคนขับรถ TAXI เจ้าประจำ ที่ทั้ง 2 คนนี้ไม่มีความรู้เรื่องแอร์เลย จากที่สอบถามระหว่างนั่งกันมาในรถ ดูทั้ง 2 คนจะตื่นเต้นเล็กน้อย และผมก็บอกทั้ง 2 คนว่า "ไม่ยาก มันง่ายมากๆ" ผมอยากให้พื่อนๆ ตามอ่านในตอนที่ 3 ต่อไปนะครับ แล้วผมจะนำภาพก่อนที่ช่างจำเป็น 2 คนของผมจะเริ่มงานแก้ไข และหลัังแก้ไข แล้วมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันครับ ที่สำคัญ แอร์เย็นเสียด้วยครับ ช่างจำเป็นทำอย่างไร ง่ายจริงหรือไม่ แล้วพบกันครับ
พิมพ์เมื่อ 26/5/2554
ขอบคุณครับ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
คนทุพพลภาพมืออาชีพ
ปรีดา ลิ้มนนทกุล
คนทุพพลภาพมืออาชีพ